กัมพูชาอย่าบิดเบือน! ไทยมีหลักฐานชัดทุกมิติ แจงฑูต 23 ประเทศ ยั่วยุ ยิงก่อน ใช้พลเรือนเป็นโล่

ไทยเปิดเผยลำดับเหตุและพฤติกรรมละเมิดจากกัมพูชา – เรียกร้องประชาคมโลกร่วมกันแก้ไขปัญหาภายใต้สันติวิธี
1 สิงหาคม 2568 – ในที่ประชุมแถลงข่าวที่จัดขึ้นโดยกรมข่าวทหารบก เมื่อวันนี้ “เสธ.ป้อ” อดีตผู้ช่วยทูตทหารไทย ณ วอชิงตัน ดี.ซี. ได้ร่วมกับพันเอกพัฒนา พันธุ์มงคล รองผู้อำนวยการสำนักวิเทศสัมพันธ์ เปิดเผยลำดับเหตุการณ์และข้อเท็จจริงที่ฝ่ายกัมพูชาดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี 2568 ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและมาตรฐานสากลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ลำดับเหตุการณ์และข้อเท็จจริง
-
การยั่วยุตั้งแต่ต้นปี
-
กัมพูชาดำเนินกิจกรรมยั่วยุด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสื่อสารมวลชนเพื่อปลุกใจในพื้นที่ เช่น การร้องเพลงปลุกใจที่บริเวณปราสาท “ตาเมือนธม” เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
-
การเผาศาลาตรีมุขเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่เคยมีระหว่างไทย–ลาว–กัมพูชา

-
-
การล้ำเข้าครอบครองดินแดนไทย
-
ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการดัดแปลงภูมิประเทศบริเวณแนวชายแดนไทยโดยมีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทางทหาร และมีการลักลอบขุดคูติดต่อในเขตไทย
-
-
การเสริมกำลังและการกระทำทหารที่รุนแรง
-
ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม มีการเสริมกำลังและยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดนอย่างต่อเนื่อง
-
วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เกิดการปะทะขนาดเล็กที่บริเวณ “ช่องบก” โดยทหารกัมพูชายิงโจมตีก่อนทำให้ฝ่ายไทยต้องดำเนินการยิงตอบโต้ในสัดส่วนที่เหมาะสม
-
การวางทุ่นระเบิดสังหาร PMN-2 ที่บริเวณ “ช่องบก” ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและขาขาด 2 นาย ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง
-
-
การใช้ทุ่นระเบิดสังหารและการโจมตีในพื้นที่พลเรือน
-
ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 28 กรกฎาคม 2568 พบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในการสู้รบ และมีการวางสนามทุ่นระเบิดต่อเนื่องในพื้นที่
-
มีรายงานการยิงจากเขตพลเรือน โดยฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธหนัก เช่น จรวด BM-21 โจมตีเป้าหมายพลเรือนในหลายพื้นที่ ทั้งโรงพยาบาล, โรงเรียน, ปั๊มน้ำมัน, ร้านสะดวกซื้อ และหมู่บ้าน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งในแง่ของชีวิตและทรัพย์สิน
-
-
การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการใช้อาวุธสอดแนม
-
หลังการเจรจาหยุดยิงที่จัดขึ้นที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงโดยบุกรุกเข้าพื้นที่ 6 จุดสำคัญ รวมถึงการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ล้ำเข้ามาในเขตไทยเพื่อสอดแนม
-
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังปล่อยข่าวปลอมและบิดเบือนข้อมูลโดยกล่าวหาว่าไทยใช้ “อาวุธเคมี” พร้อมอ้างอิงภาพเหตุการณ์เก่าสมัยดับไฟป่าที่แคลิฟอร์เนียและนำเสนอระเบิด MK-84 ในลักษณะคลัสเตอร์บอมบ์ ทั้งที่เป็นข้อมูลเท็จ
-

แนวทางการตอบโต้ของไทยและจุดยืนระหว่างประเทศ
-
การใช้มาตรการป้องกันตนเอง
ไทยยืนยันว่าการตอบโต้ในทุกครั้งกระทำขึ้นภายใต้หลักการป้องกันตนเองตาม Article 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายเฉพาะเป้าหมายทางทหารและดำเนินการในสัดส่วนที่เหมาะสม -
การชี้แจงและแก้ไขข้อมูลเท็จ
ฝ่ายไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูกปล่อยออกมาโดยฝ่ายกัมพูชาอย่างสิ้นเชิง พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและร่วมมือกับประชาคมโลกในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยวิธีสันติ -
การประชาสัมพันธ์กับคณะทูตและประชาคมระหว่างประเทศ
ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ “เสธ.ป้อ” พร้อมกับพันเอกพัฒนา พันธุ์มงคล ได้อธิบายลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้คณะทูตจาก 23 ประเทศ รวมถึงเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากประเทศต่างๆ ทั้งในภูมิภาคและนานาชาติ รวมกว่า 150 คน ได้รับทราบถึงความจริงที่เกิดขึ้นและร่วมกันเรียกร้องให้ประชาคมโลกเข้าใจสถานการณ์อย่างครบถ้วน
บทสรุป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแนวชายแดนไทย–กัมพูชานับว่าเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกตระหนักถึงความไม่เป็นธรรมและการละเมิดกฎระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพลเรือนไทย ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บ และความทุกข์ทรมานในหมู่ประชาชนไทย ฝ่ายไทยยืนหยัดปกป้องแผ่นดินและสิทธิอธิปไตย โดยมีหลักฐานชัดเจนและมุ่งหวังให้ประชาคมโลกร่วมกันผลักดันแนวทางแก้ไขผ่านการเจรจาและวิธีการสันติ
— ผู้รายงานโดยกรมข่าวทหารบก




