เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้เข้าช่วยเหลือ น.ส.จิดาภา อายุ 21 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 2 หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงจนสูญเสียทรัพย์สินและถูกบังคับให้ซ่อนตัวในโรงแรม
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 16.30 น. น.ส.จิดาภา ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทเอไอเอส แจ้งว่าเธอได้เปิดเบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการพนัน จากนั้นสายถูกโอนต่อไปยังบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจจาก สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์
ผู้แอบอ้างเป็นตำรวจได้ข่มขู่ น.ส.จิดาภา ให้มอบรหัสธนาคารของผู้ปกครอง แต่เมื่อผู้ปกครองไม่ยินยอม พวกเขาจึงบังคับให้เธอหาเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีกับครอบครัว ด้วยความกลัว น.ส.จิดาภา ได้นำทองคำจากบ้านไปขาย และได้รับคำสั่งให้ซ่อนตัวในโรงแรม ห้ามติดต่อหรือบอกกล่าวกับใคร
เมื่อผู้ปกครองไม่สามารถติดต่อ น.ส.จิดาภา ได้ จึงได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ซึ่งได้ทำการสืบสวนและติดตามจนพบเธอที่โรงแรมไดม่อน ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค กรุงเทพฯ
หลังจากได้รับการช่วยเหลือ น.ส.จิดาภา ได้พบกับพ่อแม่และกอดกันด้วยความโล่งใจ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เธอเปิดเผยว่าเหตุที่เชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากถูกข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับพ่อแม่ และผู้แอบอ้างแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เธอหลงเชื่อ
พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม ได้เตือนประชาชนว่า ไม่มีหน่วยงานราชการใดที่จะให้ประชาชนทำธุรกรรมการโอนเงินหรือสอบสวนคดีผ่านทางโทรศัพท์ หากพบกรณีเช่นนี้ ควรสงสัยว่าเป็นการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ และควรติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจใกล้เคียงทันที
เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีวิธีการซับซ้อนและน่าเชื่อถือมากขึ้น ควรมีสติและตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการใดๆ
