กัมพูชารุกคืบ! เชิญคณะทูต 13 ชาติลงพื้นที่ชายแดน พาดูซากอนุสาวรีย์ตาอม ใส่ร้ายไทยเป็นผู้ทำลาย
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. — มีรายงานด่วนจากเพจ Army Military Force – สำรอง ระบุว่า ทางการกัมพูชาได้ดำเนินการเชิญคณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารจาก 13 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนต่างชาติ ลงพื้นที่บริเวณ “อนุสาวรีย์ตาอม” ใกล้จุดผ่อนปรนช่องอานม้า จังหวัดพระวิหาร (หรือที่ฝ่ายไทยเรียกว่า ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) เพื่อตรวจสอบซากความเสียหายจากเหตุปะทะก่อนหน้านี้
เบื้องหลังการเชิญชมนั้น มีความเคลื่อนไหวเชิงการทูตชัดเจน เมื่อกัมพูชาได้กล่าวหาฝ่ายไทยอย่างบิดเบือนว่าเป็นผู้ทำลายอนุสาวรีย์ตาอมดังกล่าว ทั้งที่มีข้อมูลยืนยันว่า ความเสียหายเกิดจากการที่ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ผิดพลาดใส่เป้าหมายของตนเอง
คณะผู้แทนที่เข้าร่วมครั้งนี้ประกอบด้วยทูตและผู้ช่วยทูตทหารจาก 13 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ลาว, เวียดนาม และเมียนมาร์ โดยทั้งหมดได้รับการพาเยี่ยมชมพื้นที่ซึ่งเคยเป็นจุดปะทะ พร้อมรับฟังคำชี้แจงจากฝ่ายกัมพูชา
ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาอ้างว่า การเชิญคณะผู้แทนลงพื้นที่ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ “แสดงความโปร่งใส” และ “ยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง” ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่ากองทัพกัมพูชาได้เคารพเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่มีรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยยืนยันว่า อนุสาวรีย์ตาอมดังกล่าว ถูกสร้างขึ้นโดยละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543 (MoU 2543) และไม่ได้รับความเห็นชอบจากไทย อีกทั้งจุดที่เกิดความเสียหายก็เป็นผลจากกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาเองในช่วงปะทะ
เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญของกัมพูชา ที่ใช้เวทีระหว่างประเทศในการสร้างภาพลักษณ์และบีบให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในสงครามข้อมูลข่าวสาร ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ยังคงตึงเครียดและเปราะบางในขณะนี้
