เขมรหัวหมอ! แอบเพิ่มกำลัง-ลอบวางทุ่นระเบิดหน้าปราสาทตาควาย ทบ.ภาค 2 ซัด “ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา”

วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่เอกสารข่าวด่วนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า ขณะนี้พบพฤติกรรมที่น่ากังวลจากกองกำลังฝ่ายกัมพูชา ทั้งการลักลอบวางทุ่นระเบิดใกล้เขตโบราณสถาน และการเสริมกำลังรุกคืบตลอดแนวชายแดน

3 ประเด็นสำคัญของสถานการณ์ล่าสุด
-
ตรวจพบการเสริมกำลังของกัมพูชา
กัมพูชาได้ลักลอบเคลื่อนย้ายกำลังและวางกำลังเพิ่มเติมหลายจุดตามแนวชายแดน อาทิ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี, ภูมะเขือ, สัตตะโสม, ปราสาทโดนตรวล, ภูผี อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, ช่องจอม จ.สุรินทร์ และช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ -
ใช้โดรนบินตรวจการณ์หลายพื้นที่
มีการใช้อากาศยานไร้คนขับ (ไม่ทราบฝ่าย) บินตรวจการณ์ในหลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของกำลังทหารไทย -
วางทุ่นระเบิดหน้า “ปราสาทตาควาย” – ละเมิดชัดเจน
บริเวณลานหน้าปราสาทตาควาย ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักและจุดท่องเที่ยวของประชาชนทั้งสองประเทศ ปัจจุบันพบเบาะแสการลอบวางทุ่นระเบิด PMN2 ซึ่งเคยใช้ทำร้ายทหารไทยในพื้นที่ช่องบกและช่องอานม้า ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาโดยตรง และยังเข้าข่ายละเมิดเขตโบราณสถานตามกฎหมายระหว่างประเทศ
สถานการณ์ตัวปราสาทตาควาย
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงว่า ขณะนี้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชายังวางกำลังกันอยู่รอบตัวปราสาทตาควายในลักษณะเท่าเทียม ไม่มีการยึดครองเด็ดขาดจากฝ่ายใด อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่โบราณสถาน ก็ถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมและสนธิสัญญาระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
สถานการณ์พลเรือนและการอพยพ
เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง กองทัพภาคที่ 2 ได้สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดดำเนินการอพยพพลเรือนอย่างเป็นระบบ โดยมีประชาชนอพยพแล้วทั้งสิ้น 144,334 คน จาก 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่
-
จ.สุรินทร์: 57,547 คน
-
จ.ศรีสะเกษ: 48,621 คน
-
จ.อุบลราชธานี: 23,035 คน
-
จ.บุรีรัมย์: 15,131 คน
ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพิ่มเติม
รายงานล่าสุดระบุว่า ยังไม่มีความเสียหายเพิ่มเติมต่อพื้นที่ประชาชน และไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพิ่มเติมในห้วงเวลานี้
กองทัพภาคที่ 2 ย้ำหนักแน่นว่าไทยยังคงยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม และปฏิบัติการภายใต้กรอบอนุสัญญาระหว่างประเทศ แต่จะไม่ยอมให้การละเมิดซ้ำซากใดๆ กระทบต่ออธิปไตยของชาติอย่างเด็ดขาด



