หนุนแผนส่ง F-16 ทิ้งระเบิดสนามทุ่น เปิดทางยึด “เนิน 350” – แฉ “ฮุนเซน” สั่งขุดอุโมงค์ลับชายแดน

วันที่ 3 สิงหาคม 2568 – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียด ล่าสุดมีรายงานว่ากองทัพไทยเตรียมแผนใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ทิ้งระเบิดถล่มสนามทุ่นระเบิดบริเวณโดยรอบ “เนิน 350” เพื่อเปิดทางให้หน่วยรบภาคพื้นดินเข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญดังกล่าว
“กรกฎ” เสนอแผนบุกยึดเนิน 350 – วาสนาแฉ มี “อุโมงค์ลับฮุนเซน” เชื่อมปราสาทตาควาย!
แม้ “เนิน 350” จะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่ยึดยาก แต่ กรกฎ เกตุแก้ว อดีตนักรบกองร้อยทหารพรานจู่โจม 911 (ฉก.513 ค่ายปักธงชัย) เผยแผนเข้ายึดแบบแม่นยำและเสียหายน้อย โดยไม่ขึ้นอยู่กับผลการเจรจา GBC ไทย-กัมพูชาในวันที่ 4 สิงหาคมนี้
3 ขั้นตอนของแผนเด็ด:
-
ใช้ F-16 ทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายบนเนิน
-
ใช้ระเบิดบังกาโลตอร์ปิโดทำลายสนามทุ่นระเบิด
-
เปิดทางให้หน่วยจู่โจมเข้ายึดพื้นที่อย่างรวดเร็ว
กรกฎมั่นใจว่าแผนนี้จะช่วยลดการสูญเสีย และยึดเนินได้แน่นอน
ขณะเดียวกัน วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง ได้อ้างข้อมูลลับจากนายทหารระดับสูงว่า บริเวณเนิน 350 มี “อุโมงค์ลับ” ที่เชื่อมจากชายแดนฝั่งกัมพูชามายัง ปราสาทตาควาย โดยตรง ซึ่งเชื่อว่าเป็นแผนลับที่ “ฮุนเซน” วางไว้ตั้งแต่อดีต หากไม่สามารถยึดเหนือดินได้ ก็จะใช้อุโมงค์ใต้ดินแทน

รายงานข่าวจากหน่วยข่าวกรองเปิดเผยว่า สนามทุ่นระเบิดดังกล่าวถูกฝังไว้โดยฝ่ายตรงข้ามเพื่อสกัดการเข้าถึงของทหารไทย ซึ่งทำให้การเคลื่อนกำลังประสบอุปสรรคอย่างมาก ในการนี้ กองทัพได้พิจารณาใช้กำลังทางอากาศเข้าโจมตีเพื่อทำลายสิ่งกีดขวาง ก่อนส่งหน่วยรบพิเศษเข้ายึดพื้นที่ภาคพื้นดินอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเชิงลึกจากฝ่ายความมั่นคงของไทย ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำพรรค CPP ได้สั่งการให้ขุดอุโมงค์ใต้ดินบริเวณแนวพรมแดนอย่างลับ ๆ เพื่อใช้ในการลำเลียงกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ โดยไม่ผ่านสายตาการข่าวของไทย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยระบุว่า การขุดอุโมงค์ลับถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายไทยต้องเร่งดำเนินการตอบโต้ โดยเฉพาะการยึดจุดยุทธศาสตร์อย่าง “เนิน 350” ซึ่งสามารถควบคุมการสังเกตการณ์ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา
ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่าได้มีการขอสนับสนุนอากาศยานเพิ่มเติม และเตรียมพร้อมในการขยายปฏิบัติการหากพบการเคลื่อนไหวผิดปกติจากฝ่ายตรงข้าม ทั้งทางบกและใต้ดิน
สถานการณ์บริเวณดังกล่าวยังอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยกองบัญชาการสูงสุดได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ลุกลามเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค



