สเปน พบ รัสเซีย 2018

รวม 10 แมตช์หยุดโลกในประวัติศาสตร์ ใครชอบดูบอลสด ห้ามพลาด

รวม 10 แมตช์หยุดโลกในประวัติศาสตร์ ใครชอบดูบอลสด ห้ามพลาด

การดูบอลสด ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องดูเฉพาะบอลแมตช์ใหม่ ๆ เสมอไป เพราะบางครั้งการดูบอลแมตช์เก่า ๆ ก็ช่วยให้คุณสามารถนำข้อมูลหรือสถิติต่าง ๆ ไปช่วยในเรื่องของการวิเคราะห์บอลได้อีกด้วย ดังนั้นในวันนี้ เราจะมาแนะนำแมตช์หยุดโลกที่คุณควรดู 

1.ฟุตบอลสดโลกรอบชิงชนะเลิศปี 1950: อุรุกวัย vs บราซิล

แมตช์อันน่าทึ่งนี้ อุรุกวัย เอาชนะ บราซิล 2-1 เกมในตำนานนี้ใช้ชื่อว่า ‘ Maracanazo ‘ แข่งในบราซิล ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากที่สนามกีฬา Maracanazo ในตอนนั้นบราซิลต้องการเพียงผลเสมอจึงจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก แต่อุรุกวัยกลับมาได้อย่างน่าทึ่งในครึ่งหลัง Juan Schiaffino และ Alcides Ghiggia ทำประตูให้อุรุกวัย พลิกเกมและสร้างความตะลึงให้กับคนที่กำลังดูบอลสดในสนามอย่างมาก หลังจากสิ้นสุดเกม ผู้ชมชาวบราซิลถึงกับนั่งเงียบ ทั้งอึ้งและเสียใจในเวลาเดียวกัน เนื่องจากการพลิกเกมครั้งนี้เป็นอะไรที่แม้แต่เซียนบอลยังคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

อุรุกวัย VS บราซิล

2. ฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศปี 1966: อังกฤษ vs เยอรมนีตะวันตก

ชัยชนะของอังกฤษต่อเยอรมนีตะวันตก 4-2 ในนัดนี้ทำให้พวกเขาได้ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียว การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามกีฬาเวมบลีย์ในลอนดอน โดยนัดนี้ได้รับความนิยมจากแฮตทริกของเจฟฟ์ เฮิร์สต์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ประตูที่สามของเฮิร์สต์สร้างความบาดหมางให้กับหลาย ๆ คน เนื่องจากไม่ชัดเจนว่าลูกบอลข้ามเส้นหรือไม่ การแข่งขันดำเนินไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ และประตูสุดท้ายของเฮิร์สต์ทำให้อังกฤษคว้าชัยชนะได้

อังกฤษ vs เยอรมนีตะวันตก

3. ฟุตบอลโลก 1986 รอบก่อนรองชนะเลิศ: อาร์เจนตินา vs อังกฤษ

ชัยชนะของอาร์เจนตินาเหนืออังกฤษ 2-1 เป็นที่จดจำจากการทำประตูสองประตูของดิเอโก มาราโดนา โดยประตูแรกได้รับฉายา “หัตถ์พระเจ้า” มาราโดนาต่อยบอลเข้าตาข่าย ซึ่งกรรมการพลาดจังหวะนั้นทำให้ถูกนับคะแนนไป อย่างไรก็ตาม ประตูที่สองของเขาเป็นลูกยิงที่น่าทึ่ง ซึ่งต่อมาได้รับการโหวตให้เป็น “ประตูแห่งศตวรรษ” ซึ่งเขาเลี้ยงบอลแซงผู้เล่นทีมชาติอังกฤษ 5 คนติดกันเพื่อทำประตู

อาร์เจนตินา vs อังกฤษ

4. ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปี 1999: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs บาเยิร์น มิวนิค

รอบชิงชนะเลิศซึ่งจัดขึ้นที่บาร์เซโลนา ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คัมแบ็คอย่างสง่างาม ในการแข่งขันครั้งนั้น บาเยิร์น มิวนิก บาเยิร์นขึ้นนำเกือบทั้งเกมโดยได้ประตูจากมาริโอ บาสเลอร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลิกเกมด้วยสองประตูที่รวดเร็วจากเท็ดดี้ เชอริงแฮม และโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ นำไปสู่ชัยชนะ 2-1 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs บาเยิร์น มิวนิค

5. ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปี 2005: ลิเวอร์พูล vs เอซี มิลาน

การกลับมาอันน่าเหลือเชื่อของลิเวอร์พูลในการเจอกับเอซี มิลานในอิสตันบูลถือเป็นหนึ่งในการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสดมิลานครองครึ่งแรก นำ 3-0 โดยได้ประตูจากเปาโล มัลดินี่ และเอร์นัน เครสโป อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลทำประตูได้สามครั้งในหกนาทีในครึ่งหลัง โดยผ่านสตีเว่น เจอร์ราร์ด, วลาดิมีร์ ชมิเซอร์ และชาบี อลอนโซ่ การแข่งขันไปสู่การดวลจุดโทษ โดยที่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะ และพลิกสถานการณ์อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

ลิเวอร์พูล vs เอซี มิลาน

6. ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ปี 2012: เชลซี vs บาเยิร์น มิวนิก

ชัยชนะแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกของเชลซีเกิดขึ้นกับบาเยิร์น มิวนิค ในรอบชิงชนะเลิศที่มิวนิก บาเยิร์นครองและทำประตูแรกจากโธมัส มุลเลอร์ อย่างไรก็ตาม ดิดิเยร์ ดร็อกบา ของเชลซีทำประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกม ทำให้ต่อเวลาพิเศษ และต่อด้วยจุดโทษ ดร็อกบายิงจุดโทษ ปิดท้ายชัยชนะอันน่าทึ่งของเชลซี

เชลซี vs บาเยิร์น มิวนิก 2012

7. ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ 2013: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ vs เรอัล มาดริด

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยิงทั้ง 4 ประตูในเกมที่ดอร์ทมุนด์เอาชนะเรอัล มาดริด 4-1 ความสามารถของเขาเป็นการผสมผสานระหว่างทักษะและความแม่นยำ ทำให้แนวรับของมาดริดแทบรับมือไม่ไหวเลยทีเดียว นัดนี้ทำให้เลวานดอฟสกี้เป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นนำของโลก และได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์บอลและผู้ที่ชื่นชอบดูบอลสดในช่วงนั้น 

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ vs เรอัล มาดริด                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                             

8. ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย 2017: บาร์เซโลนา vs ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

หลังจากแพ้ 4-0 บาร์เซโลน่า ก็กลับมาได้อย่างน่าประหลาดใจที่คัมป์ นู พวกเขาชนะไปด้วยสกอร์ 6-1 โดยได้ประตูจากหลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี, เนย์มาร์ และแซร์กี โรแบร์โต ประตูสุดท้ายที่โรแบร์โตทำประตูได้ในนาทีสุดท้าย ถือเป็นการคัมแบ็กที่น่าทึ่งที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสด

บาร์เซโลนา vs ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

9. ฟุตบอลสดโลก 2018 รอบ 16 ทีม สเปน พบ รัสเซีย

เจ้าภาพรัสเซียเอาชนะสเปนได้อย่างน่าเสียดาย การแข่งขันจบลงด้วยสกอร์ 1-1 ในช่วงเวลาปกติและช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยการป้องกันอย่างมีแน่นหนาของรัสเซีย ตอบโต้สไตล์การครองบอลที่หนักหน่วงของสเปน ในการยิงลูกโทษ รัสเซียได้รับชัยชนะ โดยตกรอบหนึ่งในทีมเต็งก่อนทัวร์นาเมนท์ และจุดประกายการเฉลิมฉลองไปทั่วประเทศ

สเปน พบ รัสเซีย 2018

 

10. ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ 2019: ลิเวอร์พูล พบ บาร์เซโลนา

ในการกลับมาอย่างน่าทึ่งอีกครั้ง ลิเวอร์พูลพลิกสถานการณ์จากความพ่ายแพ้ใน 1st leg กับบาร์เซโลนา 3-0 ใน2nd leg ที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลชนะ 4-0 โดยยิงไปสองประตูจากทั้งจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และดิว็อค โอริกี นัดนี้มีชื่อเสียงจากบรรยากาศที่เข้มข้น และความกดดันอย่างไม่หยุดยั้งของลิเวอร์พูล นำไปสู่ค่ำคืนอันน่าจดจำ และในที่สุดพวกเขาก็คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 6 ได้

ลิเวอร์พูล พบ บาร์เซโลนา 2019

สรุป

บอลสดเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นแมตช์ที่ผ่านไปนานแล้ว แต่ก็สำคัญมาก ๆ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับบอลกันมากขึ้น บอกเลยว่าถ้าดูแมตช์บอลสดทั้งหมดนี้จบ คุณจะกลายเป็นเซียนบอลได้อย่างไม่ยาก

Related Posts